Popular Posts

Thursday, May 2, 2013

การทำธุรกิจล้างรถ


การทำธุรกิจล้างรถ
 
 จากการที่ปริมาณรถยนต์มีเพิ่มมากขึ้นทุก ๆ ปีทั้งรถเก๋ง รถตู้ รถกระบะ และรถบรรทุก ทำให้ธุรกิจการให้บริการเกี่ยวกับรถยนต์ เจริญเติบโตตามไปด้วย เพื่อให้เพียงพอกับปริมาณรถยนต์ที่เพิ่มสูงขึ้นในแต่ละปี และจากการที่ประเทศไทยมีภูมิอากาศที่หลากหลายทั้งฝนตก แดดร้อนจัด และฝุ่นละอองมากมาย
 
     ทำให้รถยนต์เกิดความสกปรกได้ง่าย อีกทั้งเจ้าของรถยนต์ ส่วนใหญ่จะไม่ค่อยมีเวลาดูแลรักษาทำความสะอาดเพราะต้องทำงานแทบทุกวัน เนื่องจากการล้างทำความสะอาดต้องใช้เวลานานพอสมควร หากไม่ดูแลทำความสะอาดรถยนต์ก็จะทำให้รถยนต์โทรมเร็วไม่น่าใช้งานอีก ทั้งจะเป็นการบ่งบอกบุคลิกของเจ้าของรถยนต์ว่าเป็นคนรักรถหรือไม่
     ดังนั้นจึงเกิดธุรกิจล้างรถยนต์ขึ้นมาเพื่อสนองตอบความต้องการของเจ้าของรถ โดยธุรกิจล้างรถยนต์ก็มีให้บริการหลายรูปแบบให้เลือก และหลายระดับราคาการให้บริการ บางแห่งมีให้บริการขัดสี เคลือบสี ล้างเบาะ ดูดฝุ่น ฯลฯ ซึ่งอัตราการให้บริการก็มีความแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับการเลือกกลุ่มลูกค้าว่าจะเลือกในระดับสูง กลาง หรือต่ำ และยังขึ้นอยู่กับทำเลที่ตั้ง หากอยู่ในห้างสรรพสินค้า/ศูนย์การค้าก็จะราคาสูงหน่อย เพราะต้องเสียค่าเช่าแพง แต่ถ้าอยู่ในพื้นที่ทั่ว ๆไปก็มีอัตราค่าบริการต่ำลงมา ซึ่งธุรกิจนี้ใช้เงินลงทุนไม่มาก และลักษณะการให้บริการไม่ยุ่งยากสามารถดำเนินการได้ง่าย
     ดังนั้นจึงเห็นได้ว่าการใช้บริการล้างรถยนต์ ผู้ใช้รถยนต์จะต้องนำรถไปที่ศูนย์บริการล้างอัดฉีด/ปั๊มน้ำมัน ทำให้ต้องเสียเวลาและสิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายในการเดินทาง แต่ถ้าผู้ให้บริการสามารถไปให้บริการได้ที่บ้านของผู้ใช้รถยนต์ก็จะทำให้ผู้ใช้รถยนต์ไม่ต้องเสียเวลา และค่าใช้จ่ายในการเดินทางในยุคน้ำมันแพง สามารถอยู่กับบ้านทำงานบ้านหรือดูโทรทัศน์พักผ่อนอยู่กับลูกๆ ได้ ท่านที่เคยนำรถยนต์ไปล้างตามศูนย์คาร์แคร์หรือตามปั๊มน้ำมันที่ให้บริการล้างรถยนต์ เราจะพบว่าในบางครั้งพบลูกค้ามาก
     โดยเฉพาะช่วงวันหยุดเสาร์อาทิตย์เพราะเป็นช่วงเวลาที่ทุกคนว่างพร้อมๆ กัน บางครั้งจึงต้องรอคิวนานใช้เวลา 1-2 ชั่วโมง บางครั้งจะรีบไปทำธุระหรือจะเดินทางไปเที่ยวต่างจังหวัด หรือนัดเพื่อนไว้ ก็ไปไม่ได้ ต้องรอ แทนที่จะได้นั่งรอที่บ้าน หรือไปทำธุรกิจที่กำหนดไว้ล่วงหน้า ก็ไปไม่ได้ ไปไม่ทัน เพราะต้องมารอคิวล้างรถ และต้องมานั่งสูดน้ำมันและกลิ่นควันรถยนต์ เสียทั้งสุขภาพ เสียทั้งเวลา     ดังนั้นการให้บริการล้างรถยนต์แบบดีลิเวอรี่จึงเป็นธุรกิจที่น่าสนใจ เป็นธุรกิจที่ช่วยแก้ปัญหาให้กับผู้ที่ไม่มีเวลา ต้องการความสะดวกสบาย จ่ายแพงกว่านิดหน่อยก็ไม่เป็นไร ขอให้ไม่ต้องเสียเวลาไปนั่งรอ ไม่ต้องไปนั่งสูดควันรถยนต์ ก็คุ้มค่าแล้ว จึงเป็นธุรกิจที่ให้บริการในรูปแบบใหม่ที่น่าลงทุน
      ปัจจุบันเท่าที่ได้พยายามค้นหาธุรกิจบริการล้างรถยนต์แบบดีลิเวอรี่ในลักษณะนี้ ก็ยังไม่พบว่ามีผู้ประกอบการรายใดดำเนินการในลักษณะนี้ ซึ่งอาจจะมา จากหลายสาเหตุ เช่น มีการศึกษาแล้ว แต่ไม่คุ้มค่ากับการลงทุน หรือยังไม่มีใครคิดถึง ก็ขอฝากให้ผู้ที่สนใจศึกษาลงลึกไปว่าธุรกิจนี้ว่ามีความเป็นไปได้ในการลงทุนหรือไม่ ถ้าคุ้มค่าก็ช่วยๆ กันลงทุน เพราะมีลูกค้ารอคอยใช้บริการอยู่มาก แต่ถ้าไม่คุ้มค่าก็อาจต้องปรับรูปแบบบริการใหม่ โดยเฉพาะกลุ่มที่เปิดบริการคาร์แคร์อยู่แล้ว อาจจะขยายมาให้บริการถึงบ้านหรือถึงสำนักงานก็ได้
 สำหรับผู้ที่สนใจทำธุรกิจนี้ต้องคิดก่อนว่าจะทำในรูปของนิติบุคคลหรือบุคคลธรรมดา ถ้าเป็นนิติบุคคลก็อาจจดทะเบียนเป็นห้างหุ้นส่วนจำกัด หรือบริษัทจำกัด แต่ถ้าเป็นบุคคลธรรมดาไม่ต้องจดทะเบียนพาณิชย์ เพราะไม่ได้ประกอบการค้า ซึ่งแต่ละแบบก็มีข้อดีข้อเสียแตกต่างกัน ซึ่งถ้าเป็นนิติบุคคลจะมีความยุ่งยากในการบริหารงานแต่น่าเชื่อถือมากกว่าบุคคลธรรมดา และผู้ประกอบธุรกิจล้างรถยนต์จะต้องปฏิบัติตามกฎหมายเกี่ยวกับความสะอาด ความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง ถ้าอยู่ในกรุงเทพมหานคร ต้องยื่นขอ ณ สำนักงานเขตที่ตั้งสถานประกอบกิจการและต่างจังหวัดยื่นขอ สำนักงานเทศบาล หรือสำนักงานสุขาภิบาล หรือองค์การบริหารส่วนตำบล ซึ่งดูแลเขตพื้นที่ตั้งสถานประกอบกิจการ
       การทำธุรกิจบริการล้างรถยนต์แบบดีลิเวอรี่นั้น หากไม่ต้องการบริการหน้าร้าน เน้นการบริการนอกสถานที่เพียงอย่างเดียวก็ไม่จำเป็นต้องมีสถานที่สำหรับให้บริการ อาจใช้บ้านเป็นสถานที่เก็บเครื่องมืออุปกรณ์ก็ได้ เพื่อความประหยัด หรือบางรายอาจทำศูนย์บริการคาร์แคร์อยู่แล้ว หากจะเพิ่มบริการนอกสถานที่ ก็ไม่จำเป็นต้องลงทุนเพิ่มในด้านสถานที่อีก เป็นการเพิ่มการให้บริการแบบเดียวกับร้านอาหารซึ่งปัจจุบันนิยมทำแบบดีลิเวอรี่กันอย่างแพร่หลาย     ในการเตรียมการด้านการทำธุรกิจล้างรถยนต์แบบดีลิเวอรรี่นั้น ผู้สนใจทำธุรกิจจะต้องมี รถกระบะอย่างน้อย 1 คัน จะใหม่หรือเก่าก็ได้ ไม่เป็นไร ขอให้ใช้งานได้ไม่เสียบ่อย เพื่อบรรทุกพนักงานและเครื่องมืออุปกรณ์ในการออกไปให้บริการนอกสถานที่ สำหรับเครื่องมืออุปกรณ์ที่สำคัญๆ เช่น เครื่องฉีดน้ำแรงดันสูง เครื่องดูดฝุ่น ผ้าเช็ดรถ ฟองน้ำ โฟมล้างรถ น้ำยาขัดเงาเบาะ และอุปกรณ์อื่นๆ ที่จำเป็น ซึ่งงบประมาณการลงทุนในส่วนนี้โดยประมาณ 20,000–30,000 บาท
      ปัญหาสำคัญของการให้บริการนอกสถานที่คือเรื่องน้ำที่ใช้ล้างทำความสะอาด ซึ่งอาจจะแก้ปัญหาด้วยการใช้น้ำในบ้านพักหรือสถานที่ทำการของลูกค้า ซึ่งสะดวกหากมีน้ำพร้อม แต่ถ้าไม่มีน้ำก็อาจต้องนำน้ำไปด้วย ซึ่งก็คงเป็นปัญหาใหญ่ เพราะล้างรถต้องใช้น้ำมาก ก็อาจจะต้องแก้ปัญหาด้วยการคิดค้นวิธีการล้างทำความสะอาดที่ใช้น้ำน้อยแทน ใช้สารเคมีที่ไม่เป็นอันตรายต่อสีรถยนต์     พนักงานที่จะให้บริการก็เป็นสิ่งสำคัญ ต้องได้รับการฝึกให้มีความชำนาญในการใช้เครื่องมืออุปกรณ์ และสามารถทำงานล้างรถให้เสร็จในระยะเวลาสั้นๆ แต่ต้องสะอาด เพื่อให้มีเวลาไปบริการลูกค้ารายอื่นๆ เพราะวันๆ ต้องเสียเวลาเดินทางมาก โดยเฉพาะในวันเสาร์อาทิตย์ ลูกค้ามีมาก ก็ต้องเร่งรีบ เพื่อให้สามารถให้บริการลูกค้าได้มากๆ และจำเป็นต้องให้สิ่งจูงใจ เช่น ตอบตอบแทนพิเศษรายคันหรือให้ค่าจ้างเป็นรายคัน ทำยิ่งมาก รายได้ก็ยิ่งมาก      เมื่อมีความพร้อมด้านสถานที่ เครื่องมือ/อุปกรณ์ และบุคลากรแล้วก็ควรทำการตลาด โดยในเบื้องต้นต้องทำป้ายโฆษณาก่อน ติดตามสถานที่ต่างๆ ที่ติดได้ และไม่ผิดกฎหมาย เช่น ตามหมู่บ้านต่างๆ รวมทั้งทำใบปลิวแจกตามบ้านต่างๆ ที่อยู่บริเวณใกล้เคียง
          การที่ธุรกิจจะประสบความสำเร็จได้ยังขึ้นอยู่กับผู้ให้บริการ ความกระตือรือร้น บุคลิกที่ดี พูดจาไพเราะ มีมารยาทที่ดี สามารถสร้างความประทับใจให้ลูกค้าได้เพื่อจะได้เป็นลูกค้าประจำ การกำหนดอัตราค่าบริการต้องไม่สูงเกินไป สามารถแข่งขันกับศูนย์บริการคาร์แคร์ต่างๆ      สิ่งสำคัญอีกประการหนึ่งก็คือ เรื่องระบบการเงินและระบบบัญชีเพราะจะมีการรับเงินจากลูกค้าซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นเงินสด จึงต้องมีระบบตรวจสอบที่ดีเพื่อป้องกันการผิดพลาดหรือทุจริต     สำหรับในด้านผลตอบแทนการลงทุนนั้นจะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับจำนวนลูกค้าที่ใช้บริการ ซึ่งผู้ประกอบการทุกคนจะประสบความสำเร็จได้ต้องขึ้นอยู่กับความขยัน อดทน เป็นสำคัญ     ผู้ที่สนใจลงทุนควรศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการลงทุนก่อน เพื่อให้ทราบถึงความเป็นไปได้ ปัญหาอุปสรรต่างๆ เพื่อป้องกันความผิดพลาดในการลงทุน อย่าลืมว่าการลงทุนมีความเสี่ยง เสียเวลาศึกษา ดีกว่าลงทุนแล้วขาดทุนบทความ
โดย : ณัฐพล ลีลาวัฒนานันท์

No comments:

Post a Comment